การคำนวณหาค่า (BMI)

ระบบการวัด

ส่วนสูง (Cms)

น้ำหนัก (Kgs)

ดัชนีมวลกาย (BMI)

ช่วง BMI ปกติ

การคำนวณขึ้นอยู่กับคำแนะนำของ WHO

######################################################################

  • ค่า BMI น้อยกว่า 18.5: น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
  • ถ้าค่า BMI ระหว่าง 18.5-22.9: น้ำหนักปกติ
  • ค่า BMI ระหว่าง 23-24.9: น้ำหนักเกินเกณฑ์
  • ถ้าค่า BMI ระหว่าง 25-29.9: โรคอ้วนระดับ 1
  • หากค่า BMI ระหว่าง 30-39.9: โรคอ้วนระดับ 2
  • และค่า BMI มากกว่า 40: โรคอ้วนระดับ 3

 

BMI Calculator

ความสำคัญของการรู้ค่าดัชนีมวลกาย (BMI): เข้าใจความเสี่ยงของโรคอ้วน

การรู้ค่า BMI เป็นสิ่งสำคัญในการเข้าใจความเสี่ยงของโรคอ้วน โดยเฉพาะในปัจจุบันที่โรคอ้วนกำลังเป็นปัญหาที่สำคัญของสังคม เพราะโรคอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ อาทิเช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และหลายๆ โรคเรื้อรังอื่นๆ

การรู้ค่า BMI จึงช่วยให้เรารู้ว่าน้ำหนักของเราอยู่ในเกณฑ์ไหน และเป็นสัดส่วนอย่างไร เพื่อที่จะตรวจสอบว่าเรามีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนหรือไม่ โดยทั่วไปแล้ว ค่า BMI ระหว่าง 18.5-22.9 จะถือว่าเป็นเกณฑ์ปกติ ส่วนค่า BMI มากกว่า 23 จะถือว่าอยู่ในเกณฑ์เสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน

การทราบค่า bmi คำนวณส่วนสูงน้ำหนัก ที่ถูกต้องจะช่วยให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารให้เหมาะสม การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และการพักผ่อนที่เพียงพอ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนและโรคเรื้อรังอื่นๆ

ง่ายๆ คือ หากค่า BMI ของเราอยู่ในเกณฑ์ที่เกินเกณฑ์ปกติ หรือเป็นเกณฑ์อ้วน จะต้องพยายามลดน้ำหนักลงเพื่อให้ อยู่ในเกณฑ์ปกติ ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเรื้อรัง โดยการลดน้ำหนักแบบเป็นระยะเวลานานและมีวิธีที่ถูกต้อง สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ การรู้ค่า BMI ยังช่วยให้เราเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่าง น้ำหนักและส่วนสูง โดยทั่วไปแล้ว ค่า BMI จะเพิ่มขึ้นเมื่อน้ำหนักเพิ่มขึ้น และลดลงเมื่อน้ำหนักลดลง โดยการวัดค่า BMI เป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็วในการตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหนักและส่วนสูง

การรู้ค่า BMI จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เรารู้เกี่ยวกับสุขภาพของเรา วัดไขมันในร่างกาย และช่วยให้เรารู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหนักและส่วนสูง นอกจากนี้ยังช่วยให้เรารู้ถึงความเสี่ยงของโรคอ้วนและโรคเรื้อรังอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องระมัดระวังและดูแลตลอดเวลา

วิธีการใช้ BMI Calculator: ขั้นตอนต่อขั้น

สูตรคำนวณหาค่าดัชนีมวลกาย BMI Calculator เครื่องมือที่ช่วยในการคำนวณค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index) โดยที่ไม่ต้องไปหาคำนวณด้วยตนเอง ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากในการวัดระดับน้ำหนักของบุคคลในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการจัดการน้ำหนักของตัวเอง

วิธีการใช้ BMI Calculator นั้นเป็นเรื่องง่ายมากๆ และสามารถทำได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้

ขั้นตอนที่ 1: ตรวจสอบน้ำหนักและส่วนสูง

เพื่อให้คำนวณค่า BMI ได้อย่างถูกต้อง คุณจะต้องมีค่าน้ำหนักและส่วนสูงของตนเอง โดยสามารถตรวจสอบได้จากการชั่งน้ำหนักและวัดส่วนสูง หรือสามารถหาข้อมูลได้จากการตรวจสอบในบัตรประชาชนหรือสมุดทะเบียน

ขั้นตอนที่ 2: เปิด BMI Calculator

เมื่อมีค่าน้ำหนักและส่วนสูงแล้ว คุณสามารถเปิด BMI Calculator ได้โดยค้นหาในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล หรือใช้เว็บไซต์ของบริการออนไลน์ที่รับการยอมรับจากทั่วโลก

ขั้นตอนที่ 3: ป้อนค่าน้ำหนักและส่วนสูง

เมื่อเปิด BMI Calculator แล้ว คุณสามารถป้อนค่าน้ำหนักและส่วนสูงของตนเองลงไปในช่องที่กำหนดไว้ให้ แล้วกดปุ่มคำนวณเพื่อดูค่า BMI ของคุณ

ข้อจำกัดของ BMI Calculator คืออะไร? มีความแม่นยำแค่ไหน?

เครื่องมือที่ใช้คำนวณค่าดัชนีมวลกาย (BMI) โดยใช้สูตรคำนวณที่มีความซับซ้อนต่ำ และใช้เป็นเครื่องมือในการวัดระดับน้ำหนักของบุคคลต่างๆในสังคม โดยที่ไม่ต้องไปหาคำนวณด้วยตนเอง แต่เครื่องมือนี้ก็ยังมีข้อจำกัดที่ควรรู้กันด้วย

ข้อจำกัดของ BMI Calculator

  1. การวัดส่วนสูงและน้ำหนัก: เครื่องมือ BMI Calculator นี้ไม่สามารถระบุปริมาณไขมันในร่างกายได้ ซึ่งอาจจะทำให้ผลการคำนวณไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงได้ ในกรณีที่มีการปรับเปลี่ยนปริมาณกล้ามเนื้อ หรือไขมันในร่างกายของคุณ
  2. อายุและเพศ: เครื่องมือ BMI Calculator ไม่สามารถคำนวณค่า BMI ในผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี หรือผู้สูงอายุที่มีการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย นอกจากนี้ เครื่องมือ BMI Calculator ยังไม่สามารถระบุว่าเพศของคนเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงได้
  3. กลุ่มคนที่มีค่า BMI ที่ไม่เหมาะสม: เครื่องมือ BMI Calculator ไม่สามารถแยกได้อย่างชัดเจนว่าคนที่มีค่า BMI สูงหรือต่ำจะมีความเสี่ยงต่อโรคหรือปัญหาสุขภาพอื่นๆในประเภทใด อย่างไรก็ตาม การวัด BMI เป็นเพียงเครื่องมือเดียวที่ใช้ในการประเมินผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคที่เกี่ยวกับการเก็บไขมันในร่างกาย เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง เครื่องมือ BMI Calculator ไม่สามารถระบุถึงปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่อการเก็บไขมันในร่างกาย เช่น สุขภาพจิต สุขภาพกาย และประวัติการรับประทานอาหาร ดังนั้นการใช้งานเครื่องมือ BMI Calculator ควรเป็นเพียงเครื่องมือช่วยในการประเมินสภาพร่างกายเบื้องต้นเท่านั้น

ความแม่นยำของ BMI Calculator

เครื่องมือ BMI Calculator มีความแม่นยำในการคำนวณค่าดัชนีมวลกายของผู้ที่มีส่วนสูงเท่ากับหรือต่ำกว่า 2 เมตร และน้ำหนักต่ำกว่า 120 กิโลกรัม ในกรณีที่ผู้ใช้งานมีส่วนสูงเกิน 2 เมตรหรือน้ำหนักมากกว่า 120 กิโลกรัม เครื่องมือ BMI Calculator อาจไม่สามารถคำนวณค่า BMI ได้อย่างถูกต้อง ดังนั้นควรใช้เครื่องมือ BMI Calculator ร่วมกับการประเมินอื่นๆ เช่น วัดเส้นรอบเอว วัดความดันโลหิต หรือการตรวจสุขภาพร่างกายอื่นๆ เพื่อทำความเข้าใจสุขภาพร่างกายอย่างครบถ้วน

BMI Calculator ประเภทต่างๆ ตัวไหนเหมาะกับคุณ?

มีหลายแบบที่ใช้งานได้ฟรีทั้งบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน แต่ละแบบสามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการของผู้ใช้งาน ดังนี้

  1. BMI Calculator ออนไลน์บนเว็บไซต์: เป็นเครื่องมือที่ใช้งานได้ทันทีบนเว็บไซต์โดยไม่ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน มีหลายเว็บไซต์ที่ให้บริการ BMI Calculator ออนไลน์ฟรี ใช้งานง่าย และให้ผลลัพธ์เร็ว แต่จำเป็นต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
  2. BMI Calculator บนแอปพลิเคชัน: เป็นแอปพลิเคชันที่สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีบนมือถือหรือแท็บเล็ต ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถคำนวณค่า BMI ได้ทุกที่ทุกเวลา และสามารถติดตามสถานะสุขภาพร่างกายได้อย่างสะดวก แต่จำเป็นต้องดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันก่อนการใช้งาน
  3. การวัด BMI โดยใช้เครื่องมือวัดขนาดตัว: เป็นเครื่องมือที่ช่วยวัดค่า BMI โดยใช้หลักการวัดขนาดตัวผ่านการวัดเส้นรอบเอวและเส้นรอบสะโพก ช่วยให้ผู้ใช้งานได้ตรวจสอบสถานะสุขภาพร่างกายโดยไม่ต้องใช้เครื่องมืออื่นๆ แต่การวัดค่า BMI ด้วยเครื่องมือวัดขนาดตัวไม่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณการไขมันในร่างกายหรือองค์ประกอบอื่นๆของร่างกายที่ส่งผลต่อสุขภาพได้
  4. การวัด BMI โดยใช้เครื่องมือวัดน้ำหนักและส่วนสูง: เป็นเครื่องมือที่ใช้งานได้ง่ายและสะดวก โดยผู้ใช้งานเพียงแค่วัดน้ำหนักและส่วนสูง แล้วใช้สูตรที่กำหนดไว้ในเครื่องมือเพื่อคำนวณค่า BMI ได้ แต่วิธีนี้มีข้อจำกัดอยู่ที่ไม่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับส่วนสูงและน้ำหนักในส่วนของไขมันหรือองค์ประกอบอื่นๆของร่างกายที่ส่งผลต่อสุขภาพได้

การเลือกใช้งาน BMI Calculator ขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพแวดล้อมของผู้ใช้งาน หากต้องการคำนวณค่า BMI อย่างรวดเร็วและสะดวก สามารถใช้งาน BMI Calculator ออนไลน์บนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันได้ แต่หากต้องการความแม่นยำในการวัดค่า BMI สามารถเลือกใช้งานเครื่องมือวัดขนาดตัวหรือวัดน้ำหนักและส่วนสูงได้ อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังในการใช้งาน BMI Calculator เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสุขภาพของร่างกายในแต่ละบุคคล

สาระสำคัญของการตรวจสอบ BMI สำหรับผู้สูงอายุ

โดยผู้สูงอายุที่มีค่า BMI ต่ำกว่า 18.5 จะถือว่ามีน้ำหนักต่ำเกินไป แต่ถ้ามีค่า BMI ระหว่าง 18.5-24.9 จะถือว่ามีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนผู้สูงอายุที่มีค่า BMI ระหว่าง 25-29.9 จะถือว่ามีน้ำหนักเกินมาตรฐาน และถ้ามีค่า BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 30 จะถือว่าเป็นโรคอ้วน

สำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการตรวจสอบค่า BMI ควรคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อผลการวัด BMI อย่างเช่น อายุ สภาพร่างกาย โรคประจำตัว และการรับประทานอาหาร โดยทั่วไปแล้วผู้สูงอายุมักจะมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนสูง และส่วนต่างๆของร่างกาย เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ อาจส่งผลต่อค่า BMI ที่วัดได้ ดังนั้นจึงควรคำนึงถึงปัจจัยดังกล่าวเพื่อให้ได้ผลการวัด BMI ที่แม่นยำ

สำหรับผู้สูงอายุ ค่า BMI จะมีความแตกต่างกับผู้ในกลุ่มอายุอื่น ๆ โดยมีการกำหนดค่า BMI ในผู้สูงอายุตามมาตรฐานของ WHO ดังนี้

  • ผู้สูงอายุที่มีอายุ 65-74 ปี ค่า BMI ระหว่าง 23-28 kg/m² จะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ผู้สูงอายุที่มีอายุ 75 ปีขึ้นไป ค่า BMI ระหว่าง 24-29 kg/m² จะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ

อย่างไรก็ตาม ค่า BMI ไม่สามารถใช้เป็นตัววัดที่แม่นยำที่สุดในการประเมินสุขภาพของผู้สูงอายุได้ เนื่องจากมีผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เกิดขึ้นในช่วงวัยที่มากกว่า 65 ปี เช่น การสูญเสียกล้ามเนื้อและภาวะเสียชีวิตแบบไม่ได้คาดคิด ดังนั้น การประเมินสุขภาพโดยใช้ BMI ควรจะเป็นเพียงเครื่องมือช่วยในการตรวจสอบแต่ไม่ใช่วิธีการวินิจฉัยเดียวสำหรับผู้สูงอายุ แนะนำให้ผู้สูงอายุเช็คสุขภาพอย่างสม่ำเสมอโดยการไปพบแพทย์เพื่อประเมินสุขภาพโดยละเอียดมากยิ่งขึ้น