ความเป็นมา เหรียญ LUNA เหตุการณ์สำคัญ บทเรียนที่นักลงทุนต้องรู้
ความหมายและความเป็นมาของเหรียญ LUNA
เหรียญ LUNA เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกพัฒนาขึ้นบนเครือข่าย Terra ซึ่งเป็นบล็อกเชนที่ออกแบบมาเพื่อรองรับระบบการเงินที่ทันสมัย LUNA ถูกใช้งานในระบบ Terra เพื่อรักษาเสถียรภาพของเหรียญ Stablecoin ที่เชื่อมโยงกับสกุลเงิน fiat เช่น TerraUSD (UST) โดยบทบาทของ LUNA คือเป็นตัวประกัน (collateral) ที่ช่วยปรับสมดุลมูลค่าของ Stablecoin ให้ใกล้เคียงกับค่าเงินต้นทาง
โครงการ Terra ถูกก่อตั้งโดย Do Kwon และ Daniel Shin ในปี 2018 โดยมุ่งหวังสร้างระบบการเงินที่ลดการพึ่งพาธนาคารและเพิ่มความสะดวกในการโอนเงินดิจิทัล เมื่อเข้าสู่ตลาดในปี 2019 LUNA ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และเครือข่าย Terra เริ่มมีการนำไปใช้งานในด้าน DeFi (Decentralized Finance) อย่างแพร่หลาย
มีอะไรบ้างที่ทำให้ LUNA พังทลายลง
แม้ว่า LUNA จะเคยเป็นหนึ่งในเหรียญดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดสูง แต่ปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การพังทลายของมัน คือ
1. ความล้มเหลวของ TerraUSD (UST)
TerraUSD (UST) ซึ่งเป็น Stablecoin หลักของเครือข่าย Terra พึ่งพาอัลกอริธึมที่ออกแบบมาให้ปรับอุปสงค์และอุปทานระหว่าง UST และ LUNA อย่างไรก็ตาม เมื่อมูลค่าของ UST หลุดจากการตรึงกับดอลลาร์สหรัฐในเดือนพฤษภาคม 2022 ระบบกลับล้มเหลวในการรักษาเสถียรภาพ ส่งผลให้เกิดการขาย UST อย่างมหาศาล
2. ปัญหาความเชื่อมั่นในตลาด
การที่ UST สูญเสียมูลค่าทำให้เกิดการแพร่กระจายของความตื่นตระหนกในชุมชนผู้ถือเหรียญ นักลงทุนหลายคนแห่ขายทั้ง LUNA และ UST ในเวลาเดียวกัน ส่งผลให้ราคา LUNA ลดลงอย่างรวดเร็ว
3. ขาดการควบคุมความเสี่ยง
แม้เครือข่าย Terra จะได้รับการพัฒนาโดยมีเป้าหมายเพื่อรองรับปริมาณการใช้งานสูง แต่การออกแบบที่ขาดการสำรองเงินสดที่เพียงพอ ทำให้ระบบไม่สามารถรองรับแรงกดดันทางการเงินได้
มีใครที่สามารถทำกำไรจากวิกฤต LUNA ได้หรือไม่
แม้การล่มสลายของ LUNA จะสร้างความเสียหายให้แก่นักลงทุนจำนวนมาก แต่ก็มีบางกลุ่มที่สามารถทำกำไรได้ เช่น
- นักลงทุนสาย Short Selling
การเทรดแบบ Short Selling ซึ่งคือการเดิมพันว่าราคาของ LUNA จะลดลง ช่วยให้นักลงทุนบางคนทำกำไรได้จากการร่วงลงของมูลค่าเหรียญ - ผู้ที่ซื้อ LUNA ในราคาต่ำสุด
หลังจาก LUNA เสียมูลค่าอย่างมหาศาล ราคาเหรียญกลับมามีความผันผวนสูง ผู้ที่ซื้อเหรียญในช่วงราคาต่ำสุดและขายออกในช่วง rebound สั้น ๆ สามารถทำกำไรได้ - นักเทรดที่ใช้ Arbitrage
บางคนอาจใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของราคา LUNA ระหว่างตลาดซื้อขาย (exchanges) ต่าง ๆ เพื่อทำกำไรผ่านกลยุทธ์ Arbitrage
LUNA Classic (LUNC) มีอนาคตไกลไหม
หลังจากการล่มสลายของ LUNA เครือข่าย Terra ได้แยกออกเป็นสองระบบ ได้แก่ Terra 2.0 (ที่ใช้เหรียญ LUNA) และ Terra Classic (ที่ใช้เหรียญ LUNC) โดย LUNC ยังคงได้รับความสนใจจากชุมชนบางส่วน
ปัจจัยที่อาจส่งผลต่ออนาคตของ LUNC ได้แก่:
- การสนับสนุนจากชุมชน
ชุมชน Terra Classic ยังคงมีนักพัฒนาและผู้สนับสนุนที่พยายามฟื้นฟูเครือข่าย - ความเชื่อมั่นของตลาด
หากมีการแก้ไขปัญหาพื้นฐานของระบบและการสร้างแอปพลิเคชันที่น่าสนใจบน LUNC ความเชื่อมั่นในตลาดอาจกลับมา - ความเสี่ยงที่ยังคงอยู่
อย่างไรก็ตาม ความล้มเหลวในอดีตยังคงเป็นจุดที่ทำให้นักลงทุนลังเลในการถือครอง LUNC
มีเหรียญอื่นที่มีความเสี่ยงคล้ายกับ LUNA หรือไม่
LUNA เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความเสี่ยงในโลกคริปโตเคอร์เรนซี แต่ก็มีเหรียญอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงคล้ายคลึงกัน เช่น
- Stablecoins แบบอัลกอริธึม
เหรียญ Stablecoin ที่ไม่ได้มีสินทรัพย์สำรองจริง เช่น DAI และ Frax มีความเสี่ยงต่อการเสียเสถียรภาพหากเกิดความผิดพลาดในกลไกสมดุล - เหรียญที่พึ่งพาเครือข่ายเดียวมากเกินไป
เหรียญที่พึ่งพาแอปพลิเคชันหรือโครงการเฉพาะบนบล็อกเชน อาจเผชิญความเสี่ยงหากโครงการเหล่านั้นล้มเหลว เช่น Solana (SOL) ที่เคยเผชิญปัญหาเครือข่ายล่ม - โครงการที่มีความโปร่งใสต่ำ
เหรียญที่ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลทางการเงินหรือกลยุทธ์การพัฒนาชัดเจน อาจถูกมองว่าไม่น่าเชื่อถือ เช่น Hex (HEX) ที่เคยถูกตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับรูปแบบ Ponzi
บทสรุป
การล่มสลายของ เหรียญ LUNA เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับนักลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี มันแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงของการพึ่งพากลไกอัลกอริธึมที่ไม่สามารถรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินได้
แม้ว่า LUNA Classic (LUNC) จะยังคงได้รับการสนับสนุนจากชุมชน แต่ความสำเร็จในอนาคตยังขึ้นอยู่กับการแก้ไขข้อบกพร่องในอดีตและการสร้างความเชื่อมั่นใหม่
สำหรับนักลงทุน ควรให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์โครงการอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันการเผชิญหน้ากับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่นเดียวกับกรณีของ LUNA