ท้าวเวสสุวรรณ ตำนานเทพยักษ์ บูชาที่ไหนได้บ้าง วิธีไหว้ขอพร
ความเชื่อ เป็นสิ่งที่มีคู่กับศาสนาทุกศาสนา หลายพื้นที่หลายผู้คน มีความเชื่อที่แตกต่างกัน แน่นอนว่าความเชื่อส่วนใหญ่ก็มักเกี่ยวข้องกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือสิ่งลี้ลับ แต่ก็เป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้ เพราะการดำเนินชีวิตของทุกคนก็มีความหวังว่าจะทำให้ชีวิตดีขึ้นในทุกๆวัน ดังนั้นการไหว้ขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเองนับถือ จึงถือเป็นเรื่องปกติแล้วในสังคมปัจจุบัน และหากคุณนับถือพระพุทธศาสนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณจะไม่รู้จักไม่ได้เลย นั่นคือ ท้าวเวสสุวรรณ
ซึ่งมักจะมีมีอยู่เกือบทุกวัดในประเทศไทย ชาวพุทธหลายๆพื้นที่ยกให้เป็นสิ่งศักดิ์ที่สิทธ์ที่ควรกราบไหว้ บูชา และยังเชื่อว่าสามารถดลบันดาลความปราถนาของผู้คนให้เป็นจริงได้ด้วย แต่จะมีสักกี่คนที่มีความสงสัย ใคร่รู้ อยากจะหาคำตอบว่า ยักษ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตามวัดต่าง ๆ ที่เรียกขานกันว่า ท้าวเวสสุวรรณคือใคร กันแน่ ทำไมมีความสำคัญให้บูชากรบไหว้ และท่านให้พรในด้านใดได้บ้าง
วันนี้เราจะพาท่านไปรู้จักประวัติ ตำนาน ที่มาที่ไป ของท่าน เพื่อให้เกิดความกระจ่าง รวมทั้งการบูชา คาถา หรือการบันดาลพรของท่านต่อผู้ที่มีศรัทธาด้วย เพื่อที่จะได้เป็นอีกหนทางหนึ่งที่อาจจะช่วยให้ชีวิตของทุกท่านดีขึ้น หรืออย่างน้อยก็ทำให้เรามีจุดยึดเหนี่ยวและใช้ชีวิตไปต่อด้วยความหวังว่าท่านจะทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นได้ในสักวัน
ตำนานท้าวเวสสุวรรณ
เวสสุวรรณ เป็นยักษ์ที่มักจะพบในวัด หรือสถานที่สำคัญของประเทศ นั่นจึงสามารถอนุมานได้ว่าจะต้องมีความสำคัญอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างแน่นอน ว่ากันว่า ท้าวเวสสุวรรณ ประวัติ ได้กล่าวถึง เป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด ในจตุโลกบาล ถือเป็นอธิบดีของอสูรทั้งปวง โดยได้ปรากฏในตำนานของพระพุทธศาสนาในหลาย ๆ ประเทศ ในชื่อที่แตกต่างกัน เช่น ท้าวกุมารเวท เหวินเทียนหวัง และ พระซัมภล เป็นต้น โดยกล่าวว่าท่านจะเป็นอสูรที่คอยปกป้องพระพุทธศาสนา ป้องกันสิ่งไม่ดี ดังนั้นในศาสนสถานต่าง ๆ จึงมีเทพอสูรองค์นี้อยู่ด้วย เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายที่จะเข้ามายังบริเวณนั้น ๆ นั่นเอง โดยรูปลักษณ์ของท้าวเวสสุวรรณ มีอยู่ 2 ร่าง คือ
- ร่างที่เป็นมนุษย์ จะมีลักษณ์เป็นชายที่มีพุงขนาดใหญ่ เป็นตัวแทนของความมั่งคั่ง เงินทองสมบูรณ์ จึงมักจะเรียกว่าเทพเจ้าแห่งความร่ำรวย ผู้คนที่นับถือจึงมักมาขอชคลาภจากท่านอย่างเนืองแน่น
- ร่างยักษ์ จะปรากฏในรูปของยักษ์ขนาดใหญ่ ถือโล่แก้วประพาฬ พร้อมกระบองขนาดมหึมา และบริวารจำนวนนับไม่ถ้วน ในรูปนี้ท่านมีหน้าที่ปกปักรักษาความเรียบร้อยในศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์ ด้วยหน้าที่นี้จึงทำให้ท้าวเวสสุวรรณเป็นสัญลักษณ์ของการทำงานของเหล่าอัยการ ที่ทำหน้าที่ปกป้องความถูกต้อง ปัดเป่าความอยุติธรรมที่จะเกิดขึ้นเช่นดียวกัน
สถานที่สักการะท้าวเวสสุวรรณ
เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าหากเราได้รู้ถึงอิทธิฤทธิ์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วหละก็ สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือความเลื่อมใสศรัทธา อยากจะสักการะเพื่อเป็นศิริมงคลต่อชีวิต หรือแม้แต่กระทั้งเพื่อขอโชคลาภ ดังนั้นวันนี้เราจะขอนำเสนอสถานที่สักการะ
ท้าวเวสสุวรรณ กรุงเทพ เพื่อเอาใจเหล่าชาวเมืองที่เวลาพักผ่อนเพียงน้อยนิด ได้มีโอกาสสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็น
ศิริมงคลในชีวิตเหมือนคนในจังหวัดอื่นๆบ้าง
- วัดสุทธาราม กรุงเทพมหานคร สถานที่แรกในวันนี้อยู่ในตัวกรุงเทพฯโดยตรง แน่นอนว่าการเดินทางสะดวกไม่เสียเวลามาก โดยวัดสุทธารามเป็นวัดเก่าสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยวัดแห่งนี้เป็นที่อยู่ของท้าวเวสสุวรรณ ที่องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ดังนั้นผู้คนค่อนข้างจะมีจำนวนมากในแต่ละวัน ดังนั้นท่านที่ต้องการที่จะเดินทาง ควรเผื่อเวลาในการสักการะพอสมควร นอกจากนี้วัดแห่งนี้ยังเป็นที่สักการะหลวงพ่อฉิม อีกด้วย และภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ให้ได้บูชาพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ดังนั้นหากเดินทางไปที่วัดแห่งนี้ท่านจะได้บุญถึงสามต่อเลยทีเดียว
- วัดจุฑามณี วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่จังหวัดสมุทรสงคราม ถือเป็นวัดที่ขึ้นชื่ออย่างยิ่ง โดยวัดแห่งนี้สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าปราสาททอง โดยสถานที่แห่งนี้มีสิ่งสักสิทธิ์ที่ผู้คนนิยมกราบไหว้ ได้แก่ ท้าว เว ส สุวรรณ วัดจุฬามณี สังขารไม่เน่าเปื่อยของหลาวงพ่อเนื่อง และพระอุโบสถจัตุรมุขหินอ่อน ดังนั้นถือว่าเดินทางออนอกกรุงเทพสักหน่อย แต่ก็คุ้มที่ได้สักการะสิ่งสักดิ์ที่มากกว่าที่ต้องการ
- วัดสุทัศเทพวราราม วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ดังนั้นจึงสะดวกต่อการไปกราบไหว้ วัดอห่งนี้มีเสาชิงช้าตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า โดยตัววัดสร้างขึ้นต้องแต่รัชสมัยของพระปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี นั่นคือ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โดยภายในวัดมีพระอุโบสถที่ยาวที่สุด และมีท้าวเวสสุวรรณ อยู่ด้านหลังพระอุโบสถ รอการกราบไหว้ของพุทธศาสนิกชนที่มีความศัทธาทุกท่าน
บทบูชาท้าวเวสสุวรรณ
การบูชา ท้าวเวสสุวรรณ บทสวด ที่จะนำไปกล่าวบูชาระหว่างการตั้งจิตอธิษฐาน เพื่อขอพรจากท่านไม่ว่าในวัดใด ๆ ก็ตาม มีดังนี้
อิติปิโสภะคะวา ยมมะราชาโนท้าวเวสสุวรรณโณมะระณังสุขัง อะหังสุคะโตนะโมพุทธายะ
ท้าวเวสสุวรรณโณจาตุมะหาราชิกา ยักขะพันตาภัทภูริโต เวสสะพุสะพุทธังอะระหังพุทโธ ท้าวเวสสุวรรณโณนะโมพุทธายะ
ท่องทั้งหมด 9 จบ
โดยระหว่างการท่องบทบูชา ท่านควรที่จะจุดธูป 9 ดอก ผลไม้มง คล อาทิเช่น กล้วย สับปะรด ส้ม เป็นต้น พร้อมกับถวายดอกกุหลาบจำนวน 9 ดอกด้วย โดยก่อนจะท่องบทบูชา ควรตั้งนะโม 3 จบ และระลึกถึงคุณบิดามารดาครูอาจารย์ที่ถ่ายทอดความรู้ และระลึกถึงคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณประสงค์ด้วย ก็จะเห็นผลได้ดียิ่งขึ้น หากท่านใดที่มีองค์ห้อยคอ องค์ ลอย หรือผ้ายันต์ก็สามารถทำตามขั้นตอนข้างตนได้ที่บ้านได้เช่นกันโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปในสถานที่ต่าง ๆ สิ่งสำคัญคือการตั้งจิตอธิษฐานให้มั่น ไม่วอกแวก และกระทำด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ โดยในการกราบไหว้ ท้าวเวสสุวรรณ มีข้อห้ามอยู่ ดังนี้
- ไม่เป็นบุคคลคนที่เห็นแก่ตัว หรือไร้น้ำใจ หากผู้ใดเป็นคนที่เห็นแก่ตัว ไร้ซึ่งไมตรีต่อคนอื่น ๆ พรที่ท่านขอไปก็สำฤทธิ์ผลได้ยาก ยิ่งการขอสาปแช่งผู้อื่น ยิ่งจะเป็นภัยต่อตัวท่านเอง
- ไม่เป็นบุคคลที่ทำลาย ลบหลู่ ขัดขวางพระพุทธศาสนาทั้งทางกาย วาจา ใจ ทั้งทางตรง และทางอ้อม เพราะพรที่ท่านขอไปจะไม่เกิดผลแต่อย่างใด
- ไม่ผิดศีล 5 ต้องเป็นบุคคลที่ประพฤติชอบอยู่เป็นนิจ ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตโดยไร้เหตุผล ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดปด และไม่มั่วอยู่กับของมึนเมา
- ไม่เป็นคนที่ทำอาชีพทุจริต ไม่ทำลายชีวิตของบุคคลอื่นโดยจงใจ ไม่เป็นพวกฉ้อโกง หรือทำอาชีพที่เอาเปรียบคนอื่น เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้ท่านไม่ได้รับสิ่งที่ปรารถนาอย่างแน่นอน ซ้ำยังจะเป็นกรรมตามตัวท่านในวันข้างหน้า เมื่อบุญบารมีที่ท่านสั่งสมมาหมดไป ก็จะบังเกิดเวรกรรมที่ท่านกระทำในทันทีเช่นกัน
ดังนั้นทั้ง 4 ประการนี้ จึงเป็นสิ่งที่ผู้บูชาท้าวเวสสุวรรณ ข้อห้ามที่ห้ามกระทำโดยเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นพรหรือความปรารถนาก็จะไม่เป็นจริงอย่างแน่นอน หรือหากได้สมหวังท่านก็อาจจะต้องแลกกับสิ่งสำคัญในชีวิตของท่านได้
อย่างไรก็ตามผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะให้ความรู้แก่ทุกท่านในเรื่องตำนาน ความเชื่อ คำบูชา ต่อท้าวเวสสุวรรณ ของทุกท่านได้กระจ่างมากยิ่งขึ้น และหวังว่าทุกท่านจะมีความสุข และสมหวังในการขอพร มีชีวิตที่ดี และที่สำคัญเป็นผู้ที่ประพฤติตนตามศีล 5 อยู่เป็นนิจ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้สังคมและคนรอบข้าง และมีความหวังในการใช้ชีวิตให้ดีขึ้นในทุก ๆ วันของชีวิต และพึงละลึกว่าความตายนั้นแขวนอยู่บนคอองเราทุกคนทุกวินาที จงใช้ชีวิตอย่างมีสติและไม่ประมาท และจงมีความเชื่ออย่างมีสติ