เครื่องปั่นผลไม้ ยี่ห้อไหนดี ขนาดเล็กพกพาได้ เพื่อสุขภาพที่ดีแห่งปี 2024

เราจะเลือกซื้อ เครื่องปั่นผลไม้ ยี่ห้อไหนดี ที่จะใช้งานได้อย่างคุ้มค่า และเหมาะสมมากที่สุด การเลือกซื้อเครื่องปั่นน้ำผลไม้คือการตัดสินใจที่สำคัญ ดังนั้นควรให้ความสำคัญกับความต้องการและการใช้งานของคุณ และนี่อาจจะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือซื้อได้ ด้วยข้อมูลต่อไปนี้

1. เลือกตามกำลังของมอเตอร์ ตามวัตต์ (Wattage) การใช้งานเครื่องปั่นผลไม้ต้องพิจารณากำลังของมอเตอร์ ถ้าคุณต้องการปั่นละเอียดแบบสมูทตี้, เลือกเครื่องที่มีกำลังของมอเตอร์อยู่ที่ 200-900 วัตต์ ซึ่งจะทำให้ปั่นได้อย่างเนียนละเอียด และเครื่องปั่นที่กำลังวัตต์ไม่สูงมักเหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป ไม่จำเป็นต้องใช้ำลังวัตต์มาก ซึ่งเครื่องที่มีกำลังมากจะมักใช้ในร้านน้ำปั่น ร้านกาแฟ หรือการค้าขาย เพราะจะปั่นละเอียด แต่ราคาค่อนข้างสูง พูดง่ายๆว่าควรเลือกกำลังวัตต์ตามที่ตนเองต้องการใช้งาน

2. ความจุของโถปั่น การใช้โถปั่นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะต้องดูการใช้งานว่าคุณจะใช้ปั่นอะไรบ้าง ถ้าหากว่าจะใช้ในการเลี้ยงคนจำนวนมาก ควรเลือกซื้อใช้โถปั่นขนาดใหญ่ เพื่อจะได้สะดวกและประหยัดเวลาในการปั่นมากขึ้น ถ้าหากใช้ในครัวเรือนที่มีเฉพาะพ่อแม่ลูก 2-3 คน ใช้โถเพียง 1-2 ลิตรก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้า4-5 คนขึ้นไปก็ต้องเพิ่มขนาดขึ้นไปอีก อาจจะสัก 3 ลิตรขึ้นไป เป็นต้น ซึ่งถ้าหากเรามองภาพไม่ออก ก็ลองมองไปที่ขวดน้ำดื่ม ด้านข้างเขาจะเขียนปริมาณลิตรไว้ ก็ลองเทียบก่อนได้ ว่าขนาดไหนถึงจะเพียงพอ

3. เลือกใบมีดที่แข็งแรงทนทาน สิ่งที่ใช้ในการตัด บด ผลไม้หรือวัตถุดิบให้ละเอียดก็คือใบมีด การเลือกใช้วัสดุที่แข็งแรง จะช่วยให้เวลาปั่นอะไรที่แข็ง หรือผลไม้ที่เปลือกหนาๆ จะได้มั่นใจว่าใบมีดจะไม่หักหรือแตกได้ นอกจากนี้ควรใช้วัสดุที่สะอาดปลอดภัย ผลิตจากวัสดุที่ได้มาตรฐานด้วย เพราะใบมีดคือส่วนที่สัมผัสกับอาหาร ถ้าหากเป็นวัสดุที่อันตราย สิ่งที่เรากินลงไปก็จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพดราด้วย เช่นเลือกใช้ สแตนเลส ที่ไม่ขึ้นสนิมง่าย มีการเคลือบไททาเนียมมาอย่างดี ขะช่วยให้ตัดได้ ปั่นได้ดี และปลอดภัย

4. เสียง หากคุณไม่ต้องการเครื่องที่มีเสียงดังมาก ควรตรวจสอบเสียงของเครื่องก่อนซื้อ โดยดูรีวิวหรือถามผู้ขายเกี่ยวกับระดับเสียงของเครื่อง เพราะการใช้งานเครื่องที่มีกำลังสูง มักจะมีเสียงดังมาก เพราะต้องการความละเอียดมาก จึงต้องใช้กำลังวัตต์มาก ต้องดูจากสถานที่ด้วยว่า สามารถใช้เครื่องที่มีเสียงดังได้หรือไม่

5. ความทนทานของโถปั่น การเช็คดูโถปั่นว่าใช้วัสดุที่ทนทานแข็งแรงหรือไม่ เพราะโถปั่นบางรุ่นอาจจะถูกออกแบบมาไม่ให้ทนต่อความร้อนหรือความเย็น และไม่สามารถรับน้ำหนักได้มาก เวลาเอาไปปั่นอาจจะแตกได้ เพราะฉะนั้นต้องเช็คด้วยว่าทำมาจากวัสดุอะไร และทนความร้อน ความเย็น รับน้ำหนักได้เท่าไหร่ด้วย ยกตัวอย่างเช่นโถแก้วที่ทนความร้อนดี แต่มีน้ำหนักมาก แตกง่ายต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้งาน หรือโถที่ทำจากโพลีคาร์บอเนตที่เบา ทนความร้อน ควรเลือกโถปั่นที่ทนทานทั้งความร้อนและความเย็นได้นั่นเอง

6. การทำความสะอาดที่ง่าย การถอดล้างและประกอบใหม่ได้ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะหลังจากใช้งาน เราจะสามารถทำความสะอาดได้ทุกชิ้น เลือกเครื่องที่ง่ายต่อการทำความสะอาด ระบบทำความสะอาดที่สามารถถอดออกมาได้ สามารถใส่เครื่องล้างจานได้ เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว

7. เลือกใช้ฟังก์ชั่นได้หลากหลาย ควรเลือกซื้อเครื่องที่มีฟังก์ชั่นหลายแบบ ถ้าหากคุณเปิดร้านค้าหรือบริการเครื่องดื่ม เพราะลูกค้าแต่ละคนจะสั่งไม่เหมือนกัน และเลือกเครื่องที่สามารถปรับระดับความเร็วได้หลายระดับ จะทำให้ใช้งานได้หลากหลาย และตอบสนองต่อความต้องการในการทำอาหารแต่ละชนิดได้

8. มอเตอร์ทนทาน ถ้าหากเราต้องใช้งานเครื่องปั่นเป็นเวลานาน หรือการจัดงานต่างๆ เช่นงานแต่ง หรืองานพิธีต่างๆที่ต้องเลี้ยงคนจำนวนมาก และการใช้ปั่นเปิดร้านกาแฟ เครื่องดื่ม คุณจะต้องปั่นทั้งวัน ถ้ามอเตอร์ไม่ทนทาน แน่นอนว่าเครื่องอาจจะพังได้ ฉะนั้นคุณควรเลือกเครื่องที่มีมอเตอร์ที่ทนทาน และทนความร้อนได้ เพื่อป้องกันไม่ให้มอเตอร์ไหม้

9. ระบบความปลอดภัย ควรตรวจสอบว่าเครื่องปั่นผลไม้มีระบบความปลอดภัยที่เพียงพอหรือไม่ เช่น ระบบตัดไฟอัตโนมัติ เมื่อพบความผิดปกติบางอย่าง เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ หรือระบบป้องกันไฟดูด แน่นอนว่าเวลาใช้งาน หลายคนเคยเจอไฟดูดจากตัวเครื่อง สิ่งนี้ต้องพิจารณาให้ดี

10. เลือกราคาที่เหมาะสม เครื่องปั่นมีหลายราคา หลายยี่ห้อ และหลายออฟชั่นด้วย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณเอง เพราะถ้าเราจะใช้งานง่ายๆ ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อของราคาแพงที่มีออฟชั่นเยอะๆก็ได้ เพียงแค่ใช้แล้วปลอดภัยและเหมาะสมกับคุณก็เพียงพอแล้ว ซึ่งวันนี้เราก็มีเครื่องปั่นผลไม้ หลากหลายยี่ห้อ หลายรุ่น มารีวิวแนะนำกัน เพื่อเป็นตัวช่วยและตัวเลือกให้กับคุณ